Part II :
"อืมม" เสียงหวานครางอยู่ในลำคอทำให้เคยิ่งอารมณ์ กระเจิง
เคค่อยใช้มือลูบไล้ไปตามร่างสวย
ปากก็ค่อยๆจูบไล่ลงมาจนถึงซอกคอหอมกรุ่น มือของร่างบาง
ที่อยู่ใต้ตัวเค้าเริ่มยกขึ้นมาโอบกอดเค้าไว้ ราวกับต้องการหลักยึดเหนี่ยว เคจูบไซร้ลงมาถึงอกอิ่มสวยได้รูป
ก่อนจะหยุดพักหลอกล้อกับยอดอกคู่สวยอย่างแผ่วเบาด้วยปลายลิ้น แค่นี้ก็เพียงพอที่ทำให้
ร่างที่อยู่ตรงหน้าเค้าสะท้านไปทั้งตัว
ก่อนที่จะจูบเรื่อยลงไปจนถึงจุดเสียว เคค่อยๆ ไล่ลิ้นลงไปอย่างแผ่วเบา เหมือนดั่งค่อยๆ
ลองลิ้มชิมรสของหวานจานโปรด
ร่างบางกระตุกเล็กน้อย
เคจึงเริ่มละเลงลิ้นตัวเองลงไป สักพักก็รับรู้ถึงการตอบสนองของร่างบางที่เริ่มส่ายสะโพกเข้าหาเค้า
ด้วยความรู้สึกในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทำให้มิลไม่รู้ว่าควรที่จะผลักไสไล่ส่ง ถอยหนี หรือว่าควรจะยินดีตอบรับ
สัมผัสที่เธอรู้สึกว่าทำให้เธอมีความสุข
ด้วยเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ในสายเลือดบวกกับความรู้สึกโหยหาสัมผัสอบอุ่นปนเสียวซ่าน ทำให้มิลไม่คิดขัดขืน
นอกจากจะตามไปในทุกที่ ที่คนที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนี้จะนำไป จวบจนกระทั่งความเจ็บแปลบและตึง คับแน่น
เกิดขึ้นที่หว่างขาเธออย่างรวดเร็ว
"โอ้ย" มิลสะดุดสุดตัวพร้อมพยายามจะกระถดกายหนี เคขยับตัวขึ้นมากอดมิลไว้แนบแน่น
พร้อมทั้งจูบปลอบเพื่อให้มิลหายเจ็บ ก่อนจะก้มลงไปดูดดื่มที่ยอดทับทิม เม็ดเล็กที่แข็งเป็นไตชูชันท้าทายให้ลิ้มลอง
อาการเกร็งและต่อต้านจากร่างบางที่อยู่ใต้ร่างเค้าเริ่มลดน้อยลง พร้อมทั้งน้ำหล่อลื่นที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้เคเดินหน้าต่ออย่างไม่รั้งรอ เคค่อยๆดึงนิ้วตัวเองออกช้าๆ
ก่อนจะสอดเข้าไปใหม่ เหมือนต้องการให้ร่างบางรับรู้ถึงจังหวะที่เค้าบรรจงมอบให้
จากความเจ็บเสียดๆที่ได้รับ กลับกลายเป็นความรู้สึกเสียวซ่านแบบที่ไม่เคยรู้สึก มิลเริ่ม
เรียนรู้ถึงสิ่งที่คนที่ทำเธออยู่ตอนนี้ต้องการ
มิลเรียนรู้ที่จะขยับ สะโพก ตัวเองเพื่อให้รับกับการสอดใส่ มิลรู้แต่ว่าทำแบบนี้แล้วมันรู้สึกดี
เหลือเกิน จนถึงจุดหนึ่งที่มิลรู้สึกเหมือนปวดฉี่ขึ้นมากระทันหัน จังหวะของคนที่อยู่เหนือ
ร่างเธอตอนนี้ทำให้ร่างเธอเกร็งขึ้น
จนมิลทนไม่ไหว จนในที่สุด ทุกอย่างก็แตกพร่างพราวราวกับฟองอากาศ ทุกอย่างก็จบ
ลงพร้อมกับอาการกระตุกเป็นจังหวะ
ความรู้สึกค่อยๆเบาบางลงอย่างเสียวซ่านและมีความสุขมากมายนัก
เสียงหายใจหอบกระเส่าของร่างบางที่เคกอดกระชับอย่างแนบแน่นอยู่นั้น ทำให้เครู้สึกมีความสุขมากมาย
ก่อนที่เคจะพลิกตัวลงมาพร้อมกับรั้งร่างบางเข้ามาซบอยู่ในอ้อมกอดเค้า ซึ่งร่างที่อยู่ใน
อ้อมกอดเค้าก็ซุกเข้าหาอ้อมอกเค้าทันทีราวลูกแมวตัวน้อย ก่อนที่ทั้งสองจะหลับไปด้วยกัน
อาการขยับตัวน้อยๆของเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นที่กอดเธออยู่นี้ทำให้มิลต้องนิ่งคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกทีอย่างถี่ถ้วน
เธอตื่นนานแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอเย็นวาบไปทั้งร่าง
นี่เธอยอมมีอะไรกับเพื่อนของตัวเอง...
ถ้ามิลจะโทษตัวเองว่าเพราะความเมา รึว่าแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อวานทำให้ขาดสติยั้งคิด
มันก็เป็นแค่ส่วนเดียว มิลจะขัดขืนก็ได้ถ้าเธอต้องการ
แต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะยอม... เธอก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้
เสียงเครื่องปรับอากาศในห้องพักทำงานดังหึ่งๆ ไกลๆ ให้อุณหภูมิที่เย็นลงจนรู้สึกได้
แต่ความเย็นนั้นก็หาได้เย็นเทียบเท่า
กับความรู้สึกของมิลในตอนนี้ไม่ อ้อมกอดที่กอดมิลอยู่ตอนนี้ถึงจะอบอุ่นแค่ไหนแต่มิลก็ยังบอกตัวเองให้ยอมรับ
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ แล้วเธอต้องทำยังไงดีนะ ต้องทำยังไง น้ำอุ่นๆ ไหลระเรื่อยลงมาจากดวงตาคู่สวย
พร้อมๆกับ ความคิดที่ถูกปล่อยให้ไหลเรื่อยไปเหมือนสายน้ำ
จนในที่สุด แสงสว่างก็เริ่มลอดเข้ามาในห้อง ร่างที่นอนกอดเธอเริ่มขยับตัว
เคขยับตัวไล่ความเมื่อยขบจากการที่โดนกดทับมาตลอดคืน ร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดเค้าเองก็ขยับตัวเหมือนกัน
ก่อนที่เคจะคว้าร่างบางที่เค้ากอดมาตลอดคืนให้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดเค้าอีกครั้ง ร่างบางกลับลุกขึ้นแต่งตัวเงียบๆ
เคค่อยๆลุกขึ้นนั่งก่อนจะพยายามรวบตัวคนที่นั่งหันหลังให้เค้ามากอด
อาการเกร็งของร่างที่นั่งหันหลังให้เค้าอยู่ ขณะที่เค้ารั้งเข้ามาในอ้อมแขนนั้น ทำให้เคต้องขมวดคิ้ว
“มิล โกรธเคเหรอ” เค ถามไปด้วยความสงสัย ก่อนจะพูดต่อไปว่า
“เคขอโทษนะสำหรับเรื่องเมื่อคืน แต่เค..”
“เค มิลจะโกรธเคเรื่องอะไร” เสียงหวานของคนที่นั่งหันหลังแต่งตัวอยู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ก็เรื่องเมื่อคืนนี้ แต่สิ่งที่เคทำ เคอยากจะบอกมิลว่า”
“เครีบแต่งตัวแล้วไปทานข้าวกันเถอะ มิลหิวข้าวมากเลยอะ” เรื่องนั้นค่อยพูดกันทีหลังดีกว่านะ มิลพูดแทรกขึ้นมา
“หิวเหรอ อืม งั้นก็ไปทานข้าวกันก่อนก็ได้” เคพูดอย่างเอาใจมิล ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกไปหาอะไรทานร่วมกับคนอื่นๆ
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว เคพยายามที่จะหาเวลาคุยกับมิลสองคนกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
แต่จนแล้วจนรอดเคก็ยังหาโอกาศไม่เจอสักที ทั้งต้องทำกิจกรรมทั้งยังต้องช่วยกันเก็บของ
เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการมาเลี้ยงรุ่นที่นี้
“มิล เคขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”
“เคจะพูดอะไรก็พูดมาสิ”
“เออ คือว่า เราไปคุยกันทางโน้นได้มั้ย”
“อืม” มิลว่าพลางเดินนำไปตามทางที่เคชื้
“เค มีอะไรเหรอ” มิลพูดขึ้น พร้อมกับนั่งลงที่โขดหินใหญ่พลางมองออกไปสู่ทะเลเบื้องหน้า
“เออ คือเคจะบอกมิลว่า มิลจะ เออ คบกับเคในฐานะแฟนได้มั้ย คือ เครักมิลนะ” เคกลั้นใจพูดในสิ่งที่เก็บไว้ในใจมาตลอดออกไป หน้าแดงซ่าน
มิลหันมามองหน้าเค ชั่ว ขณะนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองที่ทะเลเวิ้งว้างอีก
"รัก" เหรอ
มิลคิดทบทวนคำนี้ย้อนไป ย้อนมาราวกับเทปที่หมุนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำว่ารักในความคิดเธอคือสิ่งที่สวยงาม
ความรู้สึกที่จะทำให้เธอหัวใจสะดุดได้ตลอด หัวใจเต้นระทึกทุกครั้งที่อยู่ใกล้คนที่เธอรัก
แต่นี้เธอไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น
กับเพื่อนเธอคนนี้เลยสักนิด แล้วอย่างนี้เธอจะรู้ได้ยังไงว่าต่อจากนี้ไปเธอจะรักเพื่อนเธอคนนี้ในฐานะอื่นได้
มันเป็นเวลาที่นานมาก สำหรับในความคิดของเค
ในที่สุดเสียงหวานก็พูดขึ้นมาว่า
“มิลคง คบกับเคไม่ได้หรอก”
มิลพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าเคสักนิด
เค รู้สึกเหมือนคนที่ยืนอยู่บนพื้น แต่อยู่ดีดี พื้นที่เค้าเหยียบอยู่ในก็ยุบตัวลงไปอย่างรวดเร็ว
เลือดในกายเค้าจากที่มัน ไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้นในนาทีที่แล้ว กลับหยุดนิ่งเย็นเฉียบ
แผ่ซ่านขึ้นไปถึงสมอง
“ทำไม” เค พยายามพูดเสียงให้เป็นปรกติที่สุด แต่ทำไมดูเหมือนว่ามันแผ่วเบาเหลือเกิน
“เราคงคบกันแบบนั้นไม่ได้หรอก เค มิลคิดกับเคแบบเพื่อนจริงๆ” มิลพูดด้วยเสียงราบเรียบที่สุด
“แต่เมื่อคืน...”
“เคจะเอาเรื่องเมื่อคืนมา ผูกเราเข้าไว้ด้วยกันไม่ได้หรอก เรื่องเมื่อคืนมันก็แค่ เรื่องที่คนเมาสองคนทำไปโดยไม่ได้คิด”
มิลพูดแทรกขึ้นมา
“แต่เคไม่ได้เมาขนาดที่จะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปนะมิล เค.....”
“มิลไม่รู้ว่าเคคิดอะไร แต่ที่เคคิดจะอ้างเรื่องเมื่อคืน เพื่อจะให้มิลมาเป็นแฟนกับเค เคก็คิดผิดแล้วแหละ
สำหรับมิล เรื่องเมื่อคืนจบแล้วก็คือจบ มิลไม่ได้คิดอะไรมากมาย อีกอย่างมิลไม่ได้รักเคในแบบนั้น
เคเข้าใจใช่มั้ย เคเข้าใจคำว่ารัก มากแค่ไหนเหรอ สำหรับมิลนะมันต้องมีเวลาที่จะก่อตัว จะต้องมีเวลาที่จะซึมซับ
ไม่ใช่เพราะเรื่องอย่างว่าคืนเดียวแล้วมาพูดได้ปาวๆว่ารัก”
มิลพูดเสียงเครียดพร้อมหันมามองเคด้วยหน้าตาจริงจัง
“แล้วเรื่องของเราต่อจากนี้.....” เคพยายามเปล่งเสียงถามออกมาอย่างแหบแห้งแผ่วเบา
“เรื่องของเราต่อจากนี้ มิลขอให้เราต่างคนต่างไปได้มั้ย ไม่ต้องมาติดต่อกันอีก ไม่ต้องเจอ
กัน ไม่ต้องคุยกันอีก ไม่ต้องพบกันอีก เถอะนะเค ขอให้จบกันแค่นี้”
ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา นอกจากร่างสูงที่เดินหันหลังกลับไปอย่างคนที่สิ้นหวัง
หลังจากที่ร่างสูงเดินลับไปจนสุดแนวโขดหิน น้ำตาอุ่นๆก็ไหลร่วงลงมาตามแก้มบางใส
เป็นแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนๆเดียว
ทำให้ความสัมพันธ์ ที่เกิดขึ้นมา สามปีต้องฟังทลายลงไปไม่เป็นท่า
มิลรู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาจับใจจริงๆ
จากวันนั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้พบกันอีก ไม่มีการติดต่อ ไม่มีโทรหากัน เหมือนกับว่าความ
สัมพันธ์ของทั้งคู่ เยื่อใยทุกอย่าง ละลายหายไปแล้วกับทะเลในวันนั้น แต่สิ่งนึ่งที่ไม่มีใคร
ในโลกสามารถที่จะฉุดรั้งไว้ได้ก็คือเวลา ที่มันเดินไปเรื่อยตามครรลองของมัน
@ เพ้อเจ้อสไตล์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น