น่านจังหวัดเล็กๆ ที่ใครๆ ก็บอกว่าควรไปเยือนให้ได้ ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทริปน่าน 3 วัน 2 คืนผมเดินทาง ประมาณบ่ายสาม กะจะไปถึงอุทยานแห่งชาติศรีน่าน สักประมาณ ตี4 หรือ ตี5ของอีกวัน
เพื่อไปนอนดูดาวที่ดอยเสมอดาว ตกเช้าก็ชมทะเลหมอกเลย แต่ผิดเส้นทางนิดหน่อยคัฟ ขับไปเจอทางตัน "ที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน" เส้นทางที่จะไปต่อต้องเอารถข้ามแพเพื่อข้ามไป อ.นาหมื่น
|
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน |
|
ช่วงแรกๆ เส้นทางนี้มีแต่ทำถนน ส่วนน้อยที่จะสลับเป็นลาดยางบริเวณบ้านของชาวบ้านเท่านั้น |
|
หลักกิโลเมตรบอก ปากนายอีก 3 กม. แต่ไม่ยักกะบอกว่าทางขาดต้องข้ามแพไป |
มาถึงจุดที่สิ้นสุดของถนนแล้ว คราวนี้ต้องนำรถข้ามไปอีกฟากนึงซึ่งก็คือบ้านปากนาย จ.น่านนั่นเอง จะทานอาหารก่อนข้ามไปหรือจะข้ามไปเลยก็ได้ ราคาตามป้ายที่บอก แถมยังบริการ
24 ชม.
|
โป๊ะที่เราจะต้องเอาเรือข้ามไปค้าฟฟ |
|
นี่เป็นแพที่สามารถมาทานอาหารชมวิวท้ายเขื่อนได้
ผมจอดรถแล้วก็ยืนรอจนมีคนในแพตะโกนมาถามว่าจะข้ามฝั่งใช่มั้ยเขาบอกให้รอแป๊ป กำลังมีแพมาจากอีกฝั่งหนึ่ง | |
|
รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะไม่เคยนำรถข้ามแพมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกเลยยยยย |
|
เรือหางยาวกำลังลากแพไปแล้ว ความรู้สึกคือ เบาๆหวิวๆยังไงไม่รู้ แต่บรรยากาศรอบข้างสวยมาก |
|
ถ่ายรูปซะโหน่ยยย ระงับความกลัว |
|
โอ้ ใกล้ถึงแล้ว ใช้เวลาล่องแค่ 15 นาทีเอง ราคา 250 บาท |
ข้ามแพเสร็จ ลุ้นกันสุดๆ ค้าฟ แต่ก็ได้บรรยากาศอีกแบบ
|
จากบนน้ำก็มาต่อบนบกอีกครั้ง เป็นเส้นทางจากปากนายไปอ.นาหมื่น
ถนนค่อนข้างแคบ ขับเร็วๆต้องระวังรถสวนนิดนึงตอนขับไปมีรถกทม.สวนมาหลายคันทีเดียว |
|
นักท่องเที่ยวเยอะมากๆๆๆ |
|
กางเต็นท์เรียบร้อย เหนื่อยๆๆ |
|
มีสาวคอยเตรียมเสบียง คืนนี้ไม่อดตายแล้วเรา |
พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วค้าฟ ผมเตรียมตัวไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหัวสิงห์ ต้องเดินไปขึ้นรถด้วยน่ะคัฟ จะมีรถพาเราขึ้นไปด้านบน
|
รูปคู่รูปแรกของทริปนี้เลยค้าฟฟ |
|
นางแบบกิตติมศักดิ์ของผมค้าฟฟ |
|
อากาศฟินฟุดๆๆ |
|
พระอาทิตย์ตกสวยสุดๆๆ |
คืนนี้นอนหลับฝันดีเลยล่ะค้าฟ เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ขับรถหลายร้อยกิโล จากชลบุรี - น่าน ข้ามแม่น้ำด้วยความหวาดเสียวอีกตะหาก ทริปนี้ผมทำเอานางแบบผมหวิดหัวใจจะวายเลยค้าฟฟ
ตื่นแต่ตี 4 เลยค้าฟ มาดูทะเลหมอกที่ดอยเสมอดาว ฟ้ายังมืดครึ้มอยู่ นักท่องเที่ยวมารอกันเพียบเลยคัฟ กว่าจะหาจุดตั้งขาตั้งกล้องเพื่อรอดูทะเลหมอกยามเช้าได้ (เล่นเอาเหนื่อยเลยคัฟ)
วันที่สอง ผาชู้ --> ขุนสถาน --> ดอยภูคา
|
ตื่นเช้าจัด ยังมืดอยู่เลย |
|
ฟ้าค่อยๆ สว่างแล้ว |
|
ความงดงามของธรรมชาติ เราต้องไปสัมผัสมันใกล้ๆค้าฟฟ |
|
สีสันของโลก ใช้ดวงตามอง |
|
ยิ้มรับวันใหม่ กับสาวคนนี้ค้าฟฟ |
|
ดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า |
|
สวยมากๆๆคัฟ |
|
การเดินทางครั้งใหม่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นคัฟ... |
|
เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของนางแล้วก็มีความสุขน่ะค้าฟฟ |
|
นางแบบผมยิ้มไม่หยุดเลยค้าฟฟ |
|
ทะเลหมอกยามเช้าสวยมว้ากกก |
|
ผาหัวสิงห์ค้าฟ มีคนปีนขึ้นไปเพื่อเก็บภาพเยอะมว้ากก |
|
ลานกางเต็นท์ค้าฟ คนมาเที่ยวเยอะมว้ากกกกก |
กว่าจะลงจากดอยเสมอดาวก็ปาเข้าไปเกือบ 9 โมงแล้วค้าฟ เดินทางต่อไปผาชู้ (มีตำนานน่ะค้าฟ)
|
มาแค่ได้ถ่ายรูป ไม่ได้ขึ้นน่ะค้าฟฟ สูงจัด กลัวนางเป็นลมก่อน |
คำ
ว่า “ ชู้ ” ไม่ได้หมายถึงชู้สาว แต่หมายถึงคนรัก
ซึ่งผาชู้แห่งนี้มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันมีทิวทัศน์สวยงาม
และยังมีเรื่องราวเป็นตำนานในหลายเวอร์ชั่นเล่าสืบต่อกันมา
ตาม
ตำนานที่เล่ากันมาเกี่ยวกับผาชู้กล่าวว่า
เจ้าเอื้องผึ้งซึ่งเป็นคู่รักกับเจ้าจันทน์ผา จำใจต้องแต่งงานกับเจ้าจ๋วง
เจ้าเอื้องผึ้งเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักจึงตัดสินใจฆ่าตัว
ตายด้วยการกระโดดจากหน้าผา
เจ้าจันทน์ผาตามมาพบว่าเจ้าเอื้องผึ้งได้กระโดดหน้าผาไปแล้ว
จึงกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตามคนรักตกไปอยู่ใกล้กัน
และเจ้าจ๋วงได้เห็นหญิงที่ตนรักกระโดดหน้าผาไปจึงรู้สึกเสียใจและตัดสินใจ
กระโดดหน้าผาตามลงไปด้วยแต่กระเด็นห่างออกไป
ด้วยความรักแท้ระหว่างเจ้าเอื้องผึ้งและเจ้าจันทน์ผา
ในชาติต่อมาเจ้าเอื้องผึ้งจึงเกิดเป็นดอกกล้วยไม้เกาะอยู่ใต้ต้นจันทน์ผา
และเจ้าจ๋วงก็เกิดเป็นต้นสน ณ จุดที่ตกไปนั้นเอง ( “จ๋วง”
เป็นภาษาเหนือแปลว่าต้นสน “เอื้องผึ้ง” แปลว่ากล้วยไม้)
หน้าผาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “ผาชู้” นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ออกมาจากผาชู้ผมก็เดินทางไปต่อที่ขุนสถานน่ะค้าฟฟ
|
เดินขึ้นอีก 300 เมตรค้าฟ ถ้าใครขี้เกียจเดิน รอรถได้น้าค้าฟ |
|
บรรยากาศบนขุนสถาน สวยมากๆๆ |
|
ลานกางเต็นท์น่ะค้าฟฟฟ |
|
ประมาณ 10 โมงแล้ว แต่อากาศดีฟุดๆๆๆ |
ถ่ายรูปเก็๋บบรรยากาศเรียบร้อย ผมก็เดินทางกลับออกมาค้าฟ เพราะไม่มีที่ให้กางเต็นท์เลย นั่งท่องเที่ยวเยอะมากก เลยตัดสินใจขึ้นดอยภูคา กะไปหาที่นอนเอาข้างหน้า
|
บรรยากาศยามเย็น อากาศดีฟุดๆๆ |
|
บ้านพักบนดอยภูคาน่ะค้าฟ ต้องจองนานมว้ากกก |
วันที่สอง ทะเลหมอกดอยภูคา / พระธาตุแช่แห้ง / วัดภูมินทร์
ตื่นตี 4 เพื่อมารอชมทะเลหมอกยามเช้า บอกเลยอากาศหนาวมว้ากก หนาวกว่าดอยเสมอดาว กว่าขุนสถานน่ะค้าฟฟ มือแข็งมั่กๆๆ กว่าจะกดชัตเตอร์ได้แต่ละรูป โอ้ย!!!
|
ทะเลหมอกสวยมว้ากกก |
|
พระอาทิตย์เริ่มมาแว้ว |
|
นางติดใจการนอนเต้นท์มว้ากกก |
|
นอนกันสบายเบย แต่โดนเต็นท์ไม่ได้เบย น้ำค้างแรงมว้ากก |
|
หลุดโลกกานปายล้าค้าฟฟฟ |
10.00 หลังจากสูดอากาศบริสุทธ์เรียบร้อย ก็เดินทางลงจากดอยค้าฟฟ เพื่อไปไหว้พระในตัวเมืองน่าน
องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง
รูปแบบของพระธาตุแช่แห้งสันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พระธาตุหริภุญไชย
โดยรอบองค์บุด้วยทองจังโก (ทองดอกบวบ ทองเหลืองผสมทองแดง)
ทางขึ้นสู่องค์พระธาตุเป็นตัวพญานาค
หน้าบันเหนือประตูทางเข้าพระวิหารเป็นปูนปั้นลายนาคเกี้ยว
ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมเมืองน่าน
พระบรมธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีกระต่าย
ชาวล้านนาเชื่อว่า หากได้เดินทางไป “ชุธาตุ”
หรือนมัสการพระธาตุประจำปีเกิดจะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมวัดพระธาตุแช่แห้งได้ทุกวัน ระหว่างเวลา
06.00-18.00 น.
เสร็จจากวัดพระธาตุแช่แห้ง ก็ไปต่อวัดภูมินทร์ ภาพกระซิบรัก
จิตรกรรมฝาผนัง ตามรอย YES OR NO ปู่ม่านย่าม่าน
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภายในวัดภูมินทร์ ภาพค่อนข้างเก่า แต่ยังคงมีความสวยงาม
ด้านนอกก็มีภาพ ปู่ม่่านย่าม่าน ที่ขอบประตูให้ถ่ายกันน่ะค้าฟฟ
|
มีภาพปู่ม่านย่าม่านขายด้วยน่ะค้าฟฟฟ |
ผมจบทริปนี้ที่วัดภูมินทร์น่ะค้าฟฟ เตรียมตัวเดินทางกลับชลบุรีแล้วค้าฟฟ กว่าจะถึงชลบุรีก็น่าจะประมาณ ตี 3 มั้งค้าฟฟฟ
Trip: เที่ยวน่าน ดอยเสมอดาว ขุนสถาน ภูคา วัดภูมินทร์ 29-31 ธันวาคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น