วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

ปราสาทสัจธรรม ตื่นตาตื่นใจ แอ๊คท่าถ่ายรูป กับปราสาทไม้แกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในโลก (1 วัน)




 .....คนไทยถ้าตั้งใจจะทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก.....และหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองไทยที่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้เป็นอย่างดีก็คือ ปราสาทสัจธรรม .....ปราสาทไม้แกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลในเขตเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี...

ถึงแม้ผมจะเคยมาเที่ยวเมืองพัทยาอยู่บ่อยๆ จนแทบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่เคยได้แวะเข้าไปเยี่ยมชม "ปราสาทสัจธรรม" แม้แต่ครั้งเดียว อาจเป็นเพราะค่าเข้าชมซึ่งตั้งราคาไว้ค่อนข้างสูงมาก หากเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงกัน ไปพัทยาครั้งล่าสุดนี้ ผมจึงตัดสินใจแวะเข้าไปชมปราสาทสัจธรรม เพื่อให้เห็นกับตาตัวเองว่าจะอลังการงานสร้างคุ้มกับค่าเข้าชมหรือไม่ .....





ปราสาทสัจธรรม   เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งตั้งอยู่บริเวณแหลมราชเวช ตำบลนาเกลืออำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยได้รับการขนานนามให้เป็นสถาปัตยกรรมไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยตัวปราสาทที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง บนพื้นที่ 80 ไร่ ตัว ปราสาทเป็นทรงจตุรมุข สูง 100 เมตร กว้าง 100 เมตร ภายในประกอบด้วยห้องจตุรมุข 4 ห้องและห้องโถงบริเวณตรงกลางปราสาท และภายนอกแกะสลักด้วยลวดลายที่มีความวิจิตรงดงาม ถ่ายทอดออกมาในรูปธรรมที่สามารถสัมผัสได้ และได้ให้ความหมายในด้านนามธรรมควบคู่กันไป สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของศาสนาและปรัชญาตะวันออกได้เป็นอย่างดี

+ ภาพแรกของปราสาทสัจธรรมที่ได้เห็นจากบนจุดชมวิว ตระการตามากๆ +

+ ปราสาทไม้แกะสลักแห่งนี้ ใช้เวลาก่อสร้างมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ +

+ กว่าจะมาเป็นปราสาทสัจธรรมทุกวันนี้ ผู้สร้างต้องลงทุนลงแรงไปมากมาย +


+ ลองเข้าไปพิสูจน์กันดูดีกว่าครับ ว่าที่นี่จะคุ้มราคาค่าเข้าชมหรือไม่ +



          "ปราสาทสัจธรรม" ตั้งอยู่บริเวณแหลมราชเวช ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ในเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ หากมาด้วยรถส่วนตัวจากกรุงเทพฯ ขับมาตามถนนสุขุมวิท ถึงแยกทางเข้าพัทยาเหนือแล้วให้เลี้ยวขวา เมื่อถึงวงเวียนปลาโลมา ก็เลี้ยวขวาอีกครั้งไปตามถนนนาเกลือ เมื่อถึงซอยนาเกลือ 12 ให้เลี้ยวเข้าซอย ขับตรงไปเรื่อยๆ จนเกือบสุดซอย ใช้เวลาไม่นานก็ถึง 

เปิดตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. 
เสียค่าชม ชาวไทยและชาวต่างชาติ 500 บาท
เด็กความสูงไม่เกิน 110 เซนติเมตร  250 บาท   

 หลังจากซื้อบัตรเข้าชมที่สำนักงานบริเวณประตูทางเข้าแล้ว จะมีรถม้าพาเราไปส่งที่บริเวณทางเดินลงไปชมตัวปราสาท วันที่ผมไปมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม "ปราสาทสัจธรรม" กันมากพอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีคนไทยมาเที่ยวกันไม่มากนัก เราต้องเดินลงเนินเขาไปตามบันไดทางเดินที่ทำจากไม้ เพื่อลงไปยังหาดทรายด้านล่างซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวปราสาท ไปถึงแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็พาเราไปนั่งรอชมการแสดง ซึ่งจะจัดแสดงเป็นรอบๆ เป็นการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น การร่ายรำพื้นบ้าน การฟันดาบ ซึ่งดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่มากเลยทีเดียว .....

 

พร้อมตะลุยปราสาทแว้วว



ก่อนเข้าไปอย่าลืมหยิบหมวกกันกระแทกสีขาวมาด้วย เพราะบริเวณภายในปราสาท ยังมีการก่อสร้างอยู่ตลอดเวลา ใส่หมวกป้องกันไว้ก่อน





 ปราสาทสัจธรรม   เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของศาสนา ปรัชญา จริยธรรม อารยธรรม วัฒนธรรมดีงามของชาวเอเชียตะวันออก ซึ่งสะท้อนถึงจริยธรรม วัฒนธรรม หน้าที่ ศีลธรรมในอดีต สู่รูปองค์เทพต่างๆ  ก่อสร้างด้วยไม้ทั้งหมด แม้แต่ตัวล็อกที่เอาไว้เชื่อมไม้แกะสลักแต่ละชิ้นก็ไม่ใช้ตะปู แต่ใช้การเข้าเดือย ตอกสลัก ตอกลิ่ม และเข้าหางเหยี่ยว แบบไทย แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันในแทบทุกรายละเอียด

+ ตัวปราสาทใหญ่โตอลังการมากๆ ช้างเหลือตัวนิดเดียวเอง +

จุดนี้แหละค้าฟ  ที่เราจะเสียตังตอนกลับ (รูปถ่าย)

สถาปัตยกรรมต่างที่สร้างขึ้นแต่ละชิ้นมีความหมาย อย่างเช่น ยอดหลังคาพรหมสี่หน้าที่ เห็นโดดเด่นอยู่ด้านหน้าปราสาท  สร้างให้เป็นสื่อถึงคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของผู้ปกครอง ทั้ง พ่อ แม่ ครู อาจารย์ ผู้บริหาร ผู้นำประเทศ และพระเจ้าแผ่นดินที่ตั้งอยู่บน พรหมวิหารธรรม 4

..........ลวดลายแกะสลักอันอ่อนช้อยโดยรอบตัวอาคาร.....

+ ผลงานไม้แกะสลักแต่ละชิ้น ทำออกมาได้สวยงามละเอียดละออจริงๆ +

ตีฆ้องซะโหน่ย 

 

การเข้าชมในแต่ละรอบจะมีมัคคุเทศน์คอยนำชมและให้ความ รู้เกี่ยวกับปราสาทสัจธรรมแห่งนี้ด้วย หากใครตั้งใจฟังก็จะได้ข้อมูลติดตัวกลับบ้านไปมากมาย แต่สำหรับผม ไม่ค่อยได้ตามฟังข้อมูลเท่าไหร่นัก มัวแต่ห่วงถ่ายภาพมากกว่า

..............ความวิจิตรแห่งไม้แกะหลัก..........

จากความจริงอันเป็นอมตะ...............ถูกถ่ายทอดสู่ศิลปะเชิงสัญลักษณ์




.....ทุกชิ้นส่วนล้วนรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง.......

 สำหรับยอดสูงสุดของปราสาทสัจธรรมซึ่งตั้งอยู่ กึ่งกลางระหว่างยอดทั้ง 4 ด้านนั้นสลักเสลาเป็นรูปเทพยดาขี่ม้าโดยชูนกเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง แทนสัญลักษณ์ของพระเมตไตรยโพธิสัตว์.....ผู้ซึ่งเคยได้รับคำพยากรณ์จากพระโค ตมพุทธเจ้าว่าจะได้ตรัสรู้เป็น พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า.....พระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัป (กัป : น. ระยะเวลาตั้งแต่การอุบัติขึ้นของโลกจวบจนกระทั่งถึงโลกถูกทำลาย , ภัทรกัป : น. กัปอันเจริญ คือ กัปในปัจจุบันนี้ซึ่งมีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้แล้วถึง 4 พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธพุทธเจ้า.....พระโกนาคมนพุทธเจ้า.....พระกัสสปพุทธเจ้า.....พระโคตมพุทธเจ้า และ ได้มีการอ้างอิงพุทธทำนายของพระโคตมพุทธเจ้าไว้ว่า.....พระศรีอริยเมตไตรย พุทธเจ้า.....จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายที่ลงมาจุติในภัทรกัปนี้)

ด้านบนของบุษบก


รูปสลักภายในโถงด้านทิศใต้ : ผู้สร้างวิถีชีวิตและความเป็นไปแก่โลก 

เพียงแค่แหงนหน้าขึ้นมองเพดาน..........ก็จะได้พานพบกับความอลังการในสายตา

ในศาสนาพุทธ.....มีคติว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วน แล้วแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามเหตุปัจจัยซึ่งหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา.....ไม่เว้นแม้ แต่โลกหรือจักรวาล เมื่อมีเหตุปัจจัยที่เหมาะสมของสสาร แร่ธาตุ และพลังงาน เมื่อนั้นจักรวาล.....โลก.....รวมถึงสรรพสิ่งต่างๆ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตก็จะถือกำเนิดขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้มีจุดเริ่มต้น.....จุดจบ หรือ ตัวตนที่แท้จริง.....หากแต่เป็นเพียงกระบวนการธรรมดาตามธรรมชาติเท่านั้น

 เมื่อค่อยๆ เดินชมทั้งภายนอกและภายในตัวปราสาทสัจธรรมจนถ้วนทั่ว เราจะได้พบกับห้องโถงและชิ้นงานแกะสลักอันงดงามมากมายซึ่งแฝงไว้ด้วยความ หมายดังต่อไปนี้



บันไดทางเดินซึ่งเชื่อมต่อระหว่างโถงกลางและโถงด้านทิศตะวันออก

+ รูปสลักเทพเจ้าแห่งลมที่อยู่ภายในห้องแรก 

สื่อความหมายถึงการกำเนิดของจักรวาลและสรรพชีวิต +

+ ศิลปะการแกะสลักไม้บริเวณริมหน้าต่าง 

เป็นภาพสลักแบบนูนสูง สวยและอ่อนช้อยมาก +


+ แม้ภายนอกแดดจะร้อน แต่เข้ามาภายในแล้วจะเย็นสบายด้วยลมทะเลที่พัดผ่านเข้ามาตลอดเวลา +


ไหว้พระประจำวันจันทร์ซะโหน่ย

แสงสีสลัวในโถงกลาง....................สถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

+ แสงเงาที่ทาบทาอยู่บนงานไม้แกะสลัก ช่วยขับให้รูปทรงดูเด่นชัด และน่าสนใจยิ่งขึ้น +

เบื้องหลังการถ่ายภาพค้าฟฟ

กราบไหว้พ่อของแผ่นดิน



+ มีงานไม้แกะสลักสวยๆ แบบนี้ให้ชมอยู่ทั่วทุกมุมของปราสาท +

....คล้ายกับว่า..........ไม้มีชีวิต ?





การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยมีให้ชมกันฟรี ๆ ในเวลา 11.30 น.และ 14.30 น
.ลานวัฒนธรรมยามเย็น
ใครอยากเป็นอัศวินขี่ม้าขาว.........................เชิญทางนี้

นอกจากที่นี่จะมีงานไม้แกะสลักสวยๆ ให้ชมกันแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เลือกทำอีกด้วย เช่นการนั่งรถม้าหรือนั่งช้างชมรอบปราสาท การนั่งเรือออกไปชมวิวปราสาทในมุมมองจากท้องทะเล มีแม้กระทั่งการขับรถ ATV หรือนวดฝ่าเท้า แต่ละกิจกรรมก็ต้องเสียเงินซื้อเป็น package เพิ่มขึ้นจากค่าเข้าชมปกติ ...


          แต่มีกิจกรรมอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม คือการชม "การแกะสลักไม้" ซึ่งช่างฝีมือจะทำงานอยู่ในโรงแกะสลัก เราสามารถเข้าไปชมขั้นตอนการแกะสลักได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ก่อนกลับบ้านก็ยังมีร้านขายของที่ระลึก ซึ่งมีผลงานไม้แกะสลักให้เลือกซื้อกลับไปตกแต่งบ้านกันอีกด้วย .....



แบบจำลองปราสาทสัจธรรม
+ ช่างฝีมือกำลังทำงานแกะสลักไม้อยู่ภายในโรงแกะสลัก +

แวะซื้อกล้วยให้ช้างซะโหน่ย  ขาย 3 หวี 100 บาทค้าฟ 


น่งสงสารจุงเบย.. นายโดนล่ามด้วย

ดูขาเพ่ช้างซะก่อง


กิงเก่งเจงๆๆ เบยน้า  3 หวีเลย


หลังจากที่ผมได้มาชมความ อลังการของงานไม้แกะสลักอันวิจิตรตระการตาของปราสาทสัจธรรมด้วยตนเองในวันนี้ สำหรับผม คิดว่าราคาค่าเข้าชม 500.-  ผมว่ามันไม่แพง
 เมื่อเทียบกับความตั้งใจจริงและความยากลำบากในการก่อสร้างและบูรณะปราสาท แห่งนี้ หากใครชอบดูผลงานศิลปะแบบไทยๆ และการถ่่ายรูป ผมคิดว่าไม่น่าจะผิดหวังน่ะค้าฟฟฟ 





@ปราสาทสัจธรรม  ตื่นตาตื่นใจแอ๊คท่าถ่ายรูป กับปราสาทไม้แกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในโลก (5-12-14) 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น