วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รู้สึกดี กับ รู้สึกรัก ต่างกันที่จังหวะการเต้นของ "หัวใจ" PART I

บางครั้ง...วิธีที่ดีที่สุดที่จะได้ใกล้ชิด

กับคนที่คุณ "แอบรัก" ได้

ก็คือการเป็นแค่

"เพื่อนของเขา"


ความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ... แม้ไม่รู้จักชื่อ

Part I :

เค เค ทำไมมานั่งยุคนเดวแบบนี้ล่ะ ให้มิลนั่งเป็นเพิ่นน่ะ เสียงใสใสดังมาแต่ไกล พร้อมเพิ่นในกลุ่ม ขณะที่เจ้าของเสียงวิ่งชิ๊วมานั่งข้างเค้าซะเบียด จนเคต้องลอบถอนหายใจเพราะรุ้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเต้นผิดจังหวะ

"เค ทำรายงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้เสร็จหรือยัง "

-*- "ยังเลยอ่า มิล ลืม เด๋วต้องรีบทำแล้วเด๋วจะส่งไม่ทัน"

"ตลอดเลย เคยสนใจอะไรบ้างมั้ย วันๆเอาแต่นอน เฮ่อ !! มาๆเดี๋ยวมิลช่วยดู ช่วยๆกันทำจะได้เสร็จไวๆ"

"ขอบคุนมากน่ะมิล" มิลยิ้มพลางเอียงหน้ามองเคแล้วส่งยิ้มที่เป็นเขี้ยวเล็กน่ารักมาให้ จนเคต้องเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น เพราะรอยยิ้มแบบนี้แหละที่ทำให้หัวใจเค้าหวั่นไหว

เคไม่ได้เป็นเพิ่นกลุ่มเดียวกับมิล เคเพิ่งมาเป็นเพิ่นห้องเดียวกับมิลก็ตอนที่ขึ้น ม.2 และได้ย้ายจากห้องบ๊วย มายุห้อง1 แต่ในกลุ่มของมิลก้อไม่มีใครชอบเคสักคน ที่เคมายุกลุ่มเดียวกับมิลได้นั้น เพราะต้องทำงานกลุ่มและเคก็จับพลัดจับพรูมาอยู่กลุ่มเดียวกับมิ

ยิ่งเคพยายามที่จะทำตัวห่างจากมิลมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่ามิลจะพยายามเข้าใกล้เคมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก เพียงแต่ว่า เครับรุด้วยความรุสึกของเค้าเองว่า ที่มิลทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเค้า มันไม่ได้มาจากว่ามิลชอบเคเกินเลยจากคำว่าเพิ่นเลย ก็เท่านั้น

เครุสึกได้เสมอว่าทุกอย่างที่มิลทำให้เค้า แสดงออกยุต่อหน้าเค้าและเพิ่นคนอื่นนั้นมันคือแค่อยากแกล้งให้เค้าเขินก็เท่านั้นเอง นั่นคือสิ่งที่เคไม่อยากรับรุเล

"เรารุจักกันมาตั้งสองปีกว่าแล้วนะ มิลดีใจน่ะที่ได้เรียนยุห้องเดวกับเค ถึงแม้เราจะไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่มิลก็รุสึกดีน่ะที่มีเคคอยยุใกล้ๆ ซึ่งมิลก็ต้องคอยช่วยเหลือเคตลอด เพลาๆเรื่องหลับในห้องเรียนบ้างน่ะ โตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว"

มิลพูดและเงียบไป เคเองก็พูดอะไรไม่ออก ต่างคนก็เลยต่างเงียบ จนในที่สุดมิลก็พูดขึ้นมาว่า

"ตั้งแต่ ที่เรารุจักกันมาสองปี คอยดูแลกันช่วยเหลือกันมาตลอด ถึงมิลจะขยันแกล้งให้เคเขิน ให้อายตลอด ต่อจากนี้ไป ถึงเราจะไม่ได้เรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน แต่ไม่ว่ายังไงต้องสัญญานะว่าเราจะเป็นเพิ่นกันตลอดไป" มิลพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาใสๆคลอขึ้นมาจากดวงตาคู่สว



เคมองมิลอย่างจะพยายามส่งถ่ายความรู้สึกหนึ่งที่เค้าแอบเก็บไว้ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกส่งไปถึงมิล เคแอบมองมิลมาตั้งแต่ ม.1  เคยอมรับกับตัวเองว่ามิลเป็นรักแรกพบของเค้า ใบหน้าหวานสวยใส

แก้มแดงเห็นเส้นเลือดฝาด ปากอิ่มเต็ม ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป

เคประทับใจในรูปร่างหน้าตาของมิลมาตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งวันนั้น  จนกระทั่งได้มีโอกาสมาเรียนอยู่ห้องเดียวกัน

เคก็แอบมองและเรียนรู้อุปนิสัยใจคอของมิลก็ยิ่งทำให้เคชอบมิลมากขึ้นไปอีก  จนกระทั่งกลายเป็นคำว่ารักซึ่งมันก็ค่อยๆ ก่อร่างสร้างขึ้นมาในใจเคทุก ๆ วันจนมากขึ้นเรื่อย ๆ  ตั้งแต่วันนั้น

เคนึกย้อนกลับไปถึงวันที่  เค้ากำลังเดินมาโรงเรียนในวันที่เปิดเทอมวันแรก...

“แฮ่ก ๆๆ โอ้ยมาวันแรกก็สายซะแล้ว  ไม่น่าตื่นสายเลยกรู...”

เสียง บ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งมา  เครีบร้อนวิ่งจนไม่ทันสังเกตอะไรทั้งนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าก่อวีรกรรมอะไรไว้บ้าง  วิ่งบุกเข้าไปในห้องเรียน  ซึ่งอาจารย์ก็เช็คชื่อนักเรียนในชั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เธอชื่ออะไร”  อาจารย์ถามเสียงแข็งเข้ม

“เอ่อ คีตภัทรค่ะ”

“อืม  ดีจริง ๆ วันแรกที่เปิดเรียนก็าสายประเดิมเลยน่ะ”

“เออ ขอโทษค่ะ อาจารย์ บังเอิญว่า นู๋ตื่นสาย”

“เหรอ อืม มาพร้อมคำแก้ตัวจริงๆ คีตภัทร  ไปเลย  ครูทำโทษเธอให้ออกไปยืนกระต่ายขาเดียว คาบไม้บรรทัด เดี๋ยวนี้เลย”

เค เดินออกมาหน้าห้องอย่างเซ็ง ๆ ที่ถูกทำโทษตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนโรงเรียนใหม่  ทำให้เคได้พบกับคนบางคนที่ยืนหน้าห้องอยู่ก่อนแล้ว

(เอ๊ะ !! มีคนยืนด้วยแหะ ทำไมตะกี้เราไม่เห็นว่ะ)

(ก็แกเล่นวิ่งมามองอะไรซะที่ไหนล่ะ  นี่ถ้ามีงูล่ะก็คงโดนกัดตายไปแล้วมั่งเนี่ย)

ความคิดด้านดีกับความคิดด้านชั่วของเคเถียงกันไปมา  แต่ทั้งคู่ก็ต้องถึงกับพักยกกะทันหันเมื่อเห็น
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้าเต็มตา

(อุ้ย !!!! แม่เจ้า  สวยจังเลย น่ารักสุดๆ ใครเนี่ย)

(นั่นดิ  สวยจริงๆ ด้วย)  น้าน  ความคิดของเคเริ่มเห็นพ้องต้องกันแล้ว

เคเดินเข้าไปยืนนิ่งๆ ข้างๆ ร่างบางซึ่งมองหน้าเค้าตาปริบๆ 

“นายมาสายเหรอ ถึงรีบวิ่งไม่ดูเลยว่าชนเราเกือบล้ม”  ร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหน้าเค้าถามขึ้น

เคเหลือบตามอง “อืม” ใช่

“เซ็งชะมัด มาวันแรกก็จะแย่ซะแล้ว ดวงไม่ดีเลยเรา”  ร่างบางบ่นพึมพำเหมือนคุยอยู่คนเดียว

เคหันไปมองพลางส่งสายตาสงสัยอย่างงงๆ  ว่า  นี้คุยกับเราเหรอ

มิลเห็นสายตาแบบนั้นเลยอดแขวะด้วยความหมั้นไส้ไม่ได้  “เราก็ยืนกันอยู่สองคนเนี่ย  จะให้มิลพูดกับผีเหรอ  เราชื่อมิลน่ะ  นายชื่ออะไรเหรอ”

“เออ  เค”

“เคเหรอ ชื่อแปลกจัง  เหมือนผู้ชายเลย”

“อืม”

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกเลย  แต่เคก็คอยจะแอบมองมิลอยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่เดินผ่านหน้าห้องเรียน  เคก็จะพยายามสอดส่ายสายตาเพื่อมองหน้ามิล




มิลมองหน้าหล่อคมเข้ม ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย เคเวลาอยู่กับเธอจะต้องทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจเสมอ ไม่ก็นั่งยิ้มไม่พูด ทำให้โดนเพื่อนในกลุ่มแซวตลอดเวลา มิลพบกับเคครั้งแรก ก็ตั้งแต่วันที่มาสายด้วยกันนั่นแหละ ด้วยเหตุการณ์ที่มันพาไป เพราะเป็นเด็กใหม่ทั้งคู่ แต่ทั้งคู่ต่างคนก็ต่างอยู่ไม่ได้ยุ่งกันมาก

เค เป็นคนเงียบรึม  ขี้อาย นิ่งๆ เฉยๆ ชอบนั่งหน้านิ่ง ไม่ค่อยพูด มิลบอกตัวเองว่า ถ้ามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าคมเข้มนี้บ้างคงดีไม่น้อยมิลเลยพยายามเข้าไป แหย่ ไปแกล้ง ป่วนเคให้เขินอายและยิ้มออกมาอยู่บ่อยๆ

และมิลก็บอกตัว เองว่า เธอคิดไม่ผิด มิลกลายเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เคยอมให้เล่นหัวด้วย จนเพื่อนในกลุ่มและใครต่อใครในโรงเรียนก็สงสัยถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่มา ตลอด

โดยที่ตัวมิลเองไม่เคยรู้เลยว่า  มีแค่เคข้างเดียวที่คิดเกินเลยไปจากคำว่าเพื่อน  ซึ่งเคก็ยังไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากบอกความในใจของเค้าให้มิลรู้สักที

จนกระทั่ง มิลเกิดแอบไปปิ๊งรุ่นพี่คนหนึ่งเข้า เคเสียใจมากแต่ก็ได้แค่มองดูอยู่เงียบๆ

ทุกครั้งที่มิลพูดถึงหรือชื่นชมรุ่นพี่คนนี้  เครู้สึกเจ็บ  ทุกครั้ง  เคได้แต่บอกกับตัวเองว่าในยามที่มิลมีปัญหา  เค้าจะขอเป็นคนที่อยู่ข้างเธอในตอนนั้น  แค่นั้นก็พอแล้ว  ถ้าเธอมีความสุขเค้าก็สุขด้วย  เค้าเองคงหวังได้แค่นี้

“เออ เค  แล้วเรื่องที่จะไปเลี้ยงรุ่นที่พัทยาล่ะ  เคจะไปมั้ย”

มิลหันมาถาม  ทำให้เคเรียกความคิดของตัวเองที่ล่องลอยกลับไปในอดีตกลับมาอย่างรวดเร็ว

“มิลไปรึเปล่าล่ะ  ถ้ามิลไปเคก็ไปด้วย”

“มิลอะไปอยู่แล้ว  ก็พี่เต้ยเป็นคนคุมพวกเราไปนิ  มิลต้องไปอยู่แล้วไม่มีพลาด”

มิลว่าอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

“ แหม  ชอบจริงเลยน่ะ พี่เต้ยเนี่ย  คลั่งเค้านักทำไมไม่ไปอยู่ที่บ้านเค้าซะเลยละ”

“บ้าเหรอ  อยากไปเหมือนกันน่ะเนี่ย” -*-

“ล้อเล่นน้า  พี่เค้ายังไม่รู้เลยว่ามิลรู้สึกยังไงกับพี่เค้าบ้าง  มิล  ว่าจะบอกพี่เค้าตอนที่ไปเลี้ยงรุ่นนั่นแหละ”

มิลพูดพร้อมกับมียิ้มคล้ายกับเพ้อฝันประดับอยู่บนใบหน้า

“เหรอ”  เสียงรับคำนั้นฟังแผ่วลงไป  สงสัยสิ่งที่เค้าคิดจะเป็นไปไม่ได้แล้วจริงๆ ละมั้ง

สิ่งที่เควางแผนไว้จะบอกความในใจให้มิลรู้ในวันเลี้ยงรุ่นก็คงต้องเป็นเรื่องที่ไแต่คิด  เหมือนกับหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมาตลอด

จนในที่สุดวันเลี้ยงรุ่นก็มาถึง

“เฮ้ย  เค  ทำไมแดรกแต่เบียร์ว่ะ  มาถึงก็ซัดเอาซัดเอา  แบบนี้  เดี๋ยวก็เมาหรอก”  เพื่อนที่นั่งข้างเคทักขึ้น

“เรื่ององกู”   เคตอบอย่างหงุดหงิด  ด้วยความคิดที่ว่า

เดี๋ยวมิลก็ต้องกลายเป็นแฟนกับพี่เต้ย  ยิ่งทำให้เครู้สึกแย่หนักเข้าไปใหญ่

“เค เค  เอาใจช่วยมิลด้วยน่ะ  มิลจะเข้าไปบอกพี่เต้ยแล้ว”

“อืม  โชคดีน่ะมิล”  เคมองมิลด้วยนัยน์ตาเศร้าสร้อย  พร้อมกระดกเบียร์เข้าไปอีกหลายอึ๊ก

แล้วเดินออกมานั่งรวมกับกลุ่มเพื่อน  ที่นั่งเฮฮากันรอบกองไฟ  เคดื่มไปไสักพักก็เริ่มรู้สึกปวดฉี่ถึงเดินไปห้องน้ำ

ขณะที่เคเดินกลับมาที่ลานก่อกองไฟ  เคก็เห็นพี่เต้ยเดินกลับเข้ามารวมกลุ่มพร้อมกับ

เรียกให้ทุกคนเข้านอน  เนื่องจากดึกมากแล้ว  และพรุ่งนี้ยังมีกิจกรรมต้องทำกันอีกหลายอย่าง

เคเห็นแต่พี่เต้ย  กลับมาคนเดียว  เลยเดินตรงเข้าไปหาพี่เต้ย  แล้วถามว่า

“พี่เต้ยฮะ  แล้วมิลล่ะ”

“ออ  ตะกี้เห็นวิ่งไปทางโน้นนะ  เออ  เค ฝากดูมิลแทนพี่ด้วยน่ะ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอฮะ  เคถามอย่างงงๆ”

“ก็พี่กับมิลคงเป็นได้แค่พี่น้องแหละ  พี่มีแฟนแล้ว  แต่เค้าไม่ได้อยู่โรงเรียนนี้  เลยไม่มีใครรู้”

พี่เต้ยพูดยิ้มๆ

เคดินออกมาจากตรงนั้นด้วยหัวใจพองโต  เริ่มมีความหวังกลับมาอีกครั้ง

เคเดินตามหามิลทั่วงาน  แต่ไม่เจอจนกระทั่ง  เค้าเดินกลับเข้าใกล้ที่พัก

“ฮือ  ฮือ”  เคได้ยินเสียงสะอื้นลอยตามลมเข้ามา

“มิล  นั่นมิลเหรอ”  เคเดินไปตามต้นเสียง  จนกระทั่งได้เจอมิล  กำลังกินเบียร์ซึ่งหมดไปมากกว่า  5 กระป๋องแล้ว

“มิล  ทำไมมานั่งกินอะไรมืดๆ แบบนี้  กลับที่พักได้แล้ว”  เคว่าพลางพยุงมิลขึ้นมาแล้วพาเดินกลับที่พัก

“ไม่เอา ไม่กลับ ฮือๆ  พี่เต้ยใจร้าย  ฮือ ๆ”  มิลได้แต่นั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงนั้น

พร้อมกับปัดมือของเคที่พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นออกเป็นพัลวัน

เคได้แต่ส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจของคนที่เค้าแอบรัก  จนสุดท้ายเคจึงต้องจับแขนของมิลพาดรอบคอตัวเอง

พร้อมกับช้อนร่างบางเข้ามาหาตัว  ทำให้มิลลอยละลิ่วขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดเคโดยอัตโนมัติ

“ฮือ เค ปล่อยมิลนะ  วางมิลลงเดี๋ยวนี้”  มิลพร่ำร้อง  พร้อมกับดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนเค

ตลอดทางมิลเอาแต่พร่ำเพ้อถึงแต่พี่เต้ย

“พี่เต้ย  ทำไมพี่เต้ยใจร้ายย  มิลรักพี่เต้ยน่ะค่ะ  ทำไมพี่เต้ยถึงทำกับมิลแบบนี้ ฮือ ฮือ”

พอมาถึงพัก  เคค่อยๆประคองมิลลงไปนอนอย่างระมัดระวัง  หลังจากนั้นเคก็เริ่มไปหาผ้ามานั่งเช็ดตัวให้มิลอย่างทะนุทะนอม

ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มึนหัวมากอยู่  เคนั่งมองหน้าคนที่เค้ารักนิ่ง...นาน...

“มิล  เครักมิลน่ะ  ทำไมมิล  ไม่เคยรับรู้สิ่งที่เคพยายามจะบอกมิลบ้างล่ะ”  เคพูดสิ่งที่เค้าเก็บอยู่ในใจมาเนิ่นนาน

พร้อมทั้งก้มหน้าลงไปช้าๆๆ

เป้าหมายของเค  ก็คือริมฝีปากสีชมพูอิ่มเต็มคู่นั้น  สัมผัสแรกของความรู้สึกที่คนทั่วไปเค้าเรียกกันว่าจูบ

แต่สำหรับเคมันเป็นอะไรที่มากกว่าจูบธรรมดามากนัก  สำหรับเครู้สึกเหมือนกำลังได้ในสิ่งที่ฝันไว้มานานซึ่งคงไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในโลกของความเป็นจริง  เป็นสิ่งที่เค้าอยากจะขอเก็ยไว้ในความทรงจำ

ของเค้าไปจนชั่วชีวิต  ริมฝีปากเคขยับไล้ริมฝีปากสีชมพูคู่นั่นอย่างแผ่วเบา  ทะนุทะนอม

ก่อนจะขยับเพื่อเรียกร้องการตอบสนองจากร่างเล็กบางที่อยู่ตรงหน้า

ซึ่งไม่นานนัก  ริมฝีปากคู่หวานก็เริ่มที่จะขยับเข้าหาและตอบสนองเคไปพร้อม ๆ กัน

(เหตุการณ์ในหัวของเค)

ด้านดี  :  เฮ้ย ๆ ไม่ได้น่ะ  แบบนี้แล้วถ้ามิลตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้แล้วมิลจะรู้สึกยังไง

ด้านชั่ว  :   ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว  ยังไงมิลก็ไม่ได้ชอบเราหรอก คงไม่มีวันชอบด้วย
ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะแคร์ไปทำไม  ทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้องไม่ดีกว่ารึไง

ด้านดี  :  ไม่ได้น่ะ  แกยังอยากเป็นเพื่อนกับมิลอยู่มั้ย  แต่แกทำแบบนี้แม้แต่เพื่อเค้าคงไม่อยาก
เป็นเพื่อนกับคนเลว ๆ ที่ทำแบบนี้อย่างแกหรอก

ด้านชั่ว  :  เพื่อนมีเยอะแล้ว  ไม่อยากเป็นเพื่อนโว้ย  ก็คนมันไม่ได้รักแบบเพื่อนอ่ะ  ไม่เข้าใจรึไงว่ะ

ด้านดี  :  แต่…..

ด้านชั่ว  :  เฮ้ยพูดมาก.... รำคาญโว้ยยยยย

พลั่ก ๆ ตบ ๆ โอ้ย (เวรกรรม ด้านชั่วต่อยด้านดีสลบไปซะแล้ว)

สุดท้ายความคิดด้านชั่วก็เป็นฝ่ายชนะ  เคจึงเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวของมิลออก

ตามมาด้วย  บราเซียตัวน้อยสีขาว  และก็กางเกงยีนรัดรูป  ตามด้วย  ปราการด่านสุดท้าย

นั่นคือ  กางเกงในตัวจิ๋วนั่นเอง

โดยที่ริมฝีปากของเคไม่ได้ละห่างจากริมฝีปากของมิลเลย....

 

 


@เพ้อเจ้อสไตล์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น