วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวน่าน ดอยเสมอดาว ขุนสถาน ดอยภูคา วัดภูมินทร์

น่านจังหวัดเล็กๆ ที่ใครๆ ก็บอกว่าควรไปเยือนให้ได้ ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทริปน่าน 3 วัน 2 คืนผมเดินทาง ประมาณบ่ายสาม  กะจะไปถึงอุทยานแห่งชาติศรีน่าน สักประมาณ ตี4 หรือ ตี5ของอีกวัน เพื่อไปนอนดูดาวที่ดอยเสมอดาว ตกเช้าก็ชมทะเลหมอกเลย แต่ผิดเส้นทางนิดหน่อยคัฟ  ขับไปเจอทางตัน "ที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน"  เส้นทางที่จะไปต่อต้องเอารถข้ามแพเพื่อข้ามไป อ.นาหมื่น 


อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
ช่วงแรกๆ เส้นทางนี้มีแต่ทำถนน ส่วนน้อยที่จะสลับเป็นลาดยางบริเวณบ้านของชาวบ้านเท่านั้น

หลักกิโลเมตรบอก ปากนายอีก 3 กม. แต่ไม่ยักกะบอกว่าทางขาดต้องข้ามแพไป


มาถึงจุดที่สิ้นสุดของถนนแล้ว คราวนี้ต้องนำรถข้ามไปอีกฟากนึงซึ่งก็คือบ้านปากนาย จ.น่านนั่นเอง  จะทานอาหารก่อนข้ามไปหรือจะข้ามไปเลยก็ได้ ราคาตามป้ายที่บอก แถมยังบริการ 24 ชม.


โป๊ะที่เราจะต้องเอาเรือข้ามไปค้าฟฟ
นี่เป็นแพที่สามารถมาทานอาหารชมวิวท้ายเขื่อนได้ ผมจอดรถแล้วก็ยืนรอจนมีคนในแพตะโกนมาถามว่าจะข้ามฝั่งใช่มั้ยเขาบอกให้รอแป๊ป กำลังมีแพมาจากอีกฝั่งหนึ่ง 

รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะไม่เคยนำรถข้ามแพมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกเลยยยยย
เรือหางยาวกำลังลากแพไปแล้ว ความรู้สึกคือ เบาๆหวิวๆยังไงไม่รู้ แต่บรรยากาศรอบข้างสวยมาก




ถ่ายรูปซะโหน่ยยย  ระงับความกลัว
โอ้ ใกล้ถึงแล้ว ใช้เวลาล่องแค่ 15 นาทีเอง ราคา 250 บาท

ข้ามแพเสร็จ ลุ้นกันสุดๆ ค้าฟ แต่ก็ได้บรรยากาศอีกแบบ 


จากบนน้ำก็มาต่อบนบกอีกครั้ง เป็นเส้นทางจากปากนายไปอ.นาหมื่น ถนนค่อนข้างแคบ ขับเร็วๆต้องระวังรถสวนนิดนึงตอนขับไปมีรถกทม.สวนมาหลายคันทีเดียว


กว่าจะขับรถขึ้นมาถึงดอยเสมอดาว ก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้วค้าฟ  หาที่กางเต็นท์กันอุตลุด นักท่องเที่ยวเยอะมว้ากกก


นักท่องเที่ยวเยอะมากๆๆๆ
กางเต็นท์เรียบร้อย เหนื่อยๆๆ
มีสาวคอยเตรียมเสบียง คืนนี้ไม่อดตายแล้วเรา

 พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วค้าฟ  ผมเตรียมตัวไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหัวสิงห์ ต้องเดินไปขึ้นรถด้วยน่ะคัฟ จะมีรถพาเราขึ้นไปด้านบน 






รูปคู่รูปแรกของทริปนี้เลยค้าฟฟ

นางแบบกิตติมศักดิ์ของผมค้าฟฟ
อากาศฟินฟุดๆๆ


พระอาทิตย์ตกสวยสุดๆๆ

คืนนี้นอนหลับฝันดีเลยล่ะค้าฟ  เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ขับรถหลายร้อยกิโล จากชลบุรี - น่าน ข้ามแม่น้ำด้วยความหวาดเสียวอีกตะหาก ทริปนี้ผมทำเอานางแบบผมหวิดหัวใจจะวายเลยค้าฟฟ



ตื่นแต่ตี 4 เลยค้าฟ  มาดูทะเลหมอกที่ดอยเสมอดาว ฟ้ายังมืดครึ้มอยู่ นักท่องเที่ยวมารอกันเพียบเลยคัฟ  กว่าจะหาจุดตั้งขาตั้งกล้องเพื่อรอดูทะเลหมอกยามเช้าได้ (เล่นเอาเหนื่อยเลยคัฟ)


วันที่สอง   ผาชู้ --> ขุนสถาน  --> ดอยภูคา

ตื่นเช้าจัด ยังมืดอยู่เลย
ฟ้าค่อยๆ สว่างแล้ว
ความงดงามของธรรมชาติ เราต้องไปสัมผัสมันใกล้ๆค้าฟฟ




สีสันของโลก ใช้ดวงตามอง
ยิ้มรับวันใหม่ กับสาวคนนี้ค้าฟฟ
ดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า

สวยมากๆๆคัฟ
การเดินทางครั้งใหม่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นคัฟ...
เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของนางแล้วก็มีความสุขน่ะค้าฟฟ
นางแบบผมยิ้มไม่หยุดเลยค้าฟฟ






ทะเลหมอกยามเช้าสวยมว้ากกก
ผาหัวสิงห์ค้าฟ  มีคนปีนขึ้นไปเพื่อเก็บภาพเยอะมว้ากก








ลานกางเต็นท์ค้าฟ  คนมาเที่ยวเยอะมว้ากกกกก





กว่าจะลงจากดอยเสมอดาวก็ปาเข้าไปเกือบ 9 โมงแล้วค้าฟ  เดินทางต่อไปผาชู้ (มีตำนานน่ะค้าฟ)


มาแค่ได้ถ่ายรูป ไม่ได้ขึ้นน่ะค้าฟฟ  สูงจัด กลัวนางเป็นลมก่อน

คำ ว่า “ ชู้ ” ไม่ได้หมายถึงชู้สาว แต่หมายถึงคนรัก ซึ่งผาชู้แห่งนี้มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันมีทิวทัศน์สวยงาม และยังมีเรื่องราวเป็นตำนานในหลายเวอร์ชั่นเล่าสืบต่อกันมา     

ตาม ตำนานที่เล่ากันมาเกี่ยวกับผาชู้กล่าวว่า เจ้าเอื้องผึ้งซึ่งเป็นคู่รักกับเจ้าจันทน์ผา จำใจต้องแต่งงานกับเจ้าจ๋วง เจ้าเอื้องผึ้งเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักจึงตัดสินใจฆ่าตัว ตายด้วยการกระโดดจากหน้าผา เจ้าจันทน์ผาตามมาพบว่าเจ้าเอื้องผึ้งได้กระโดดหน้าผาไปแล้ว จึงกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตามคนรักตกไปอยู่ใกล้กัน และเจ้าจ๋วงได้เห็นหญิงที่ตนรักกระโดดหน้าผาไปจึงรู้สึกเสียใจและตัดสินใจ กระโดดหน้าผาตามลงไปด้วยแต่กระเด็นห่างออกไป ด้วยความรักแท้ระหว่างเจ้าเอื้องผึ้งและเจ้าจันทน์ผา ในชาติต่อมาเจ้าเอื้องผึ้งจึงเกิดเป็นดอกกล้วยไม้เกาะอยู่ใต้ต้นจันทน์ผา   และเจ้าจ๋วงก็เกิดเป็นต้นสน ณ จุดที่ตกไปนั้นเอง ( “จ๋วง” เป็นภาษาเหนือแปลว่าต้นสน “เอื้องผึ้ง” แปลว่ากล้วยไม้) หน้าผาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “ผาชู้” นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา


ออกมาจากผาชู้ผมก็เดินทางไปต่อที่ขุนสถานน่ะค้าฟฟ




เดินขึ้นอีก 300 เมตรค้าฟ  ถ้าใครขี้เกียจเดิน รอรถได้น้าค้าฟ 
บรรยากาศบนขุนสถาน สวยมากๆๆ

ลานกางเต็นท์น่ะค้าฟฟฟ
ประมาณ  10 โมงแล้ว แต่อากาศดีฟุดๆๆๆ








ถ่ายรูปเก็๋บบรรยากาศเรียบร้อย ผมก็เดินทางกลับออกมาค้าฟ  เพราะไม่มีที่ให้กางเต็นท์เลย นั่งท่องเที่ยวเยอะมากก  เลยตัดสินใจขึ้นดอยภูคา กะไปหาที่นอนเอาข้างหน้า



บรรยากาศยามเย็น อากาศดีฟุดๆๆ





บ้านพักบนดอยภูคาน่ะค้าฟ  ต้องจองนานมว้ากกก



วันที่สอง  ทะเลหมอกดอยภูคา  / พระธาตุแช่แห้ง  / วัดภูมินทร์

ตื่นตี 4 เพื่อมารอชมทะเลหมอกยามเช้า บอกเลยอากาศหนาวมว้ากก  หนาวกว่าดอยเสมอดาว กว่าขุนสถานน่ะค้าฟฟ  มือแข็งมั่กๆๆ  กว่าจะกดชัตเตอร์ได้แต่ละรูป โอ้ย!!!

ทะเลหมอกสวยมว้ากกก
พระอาทิตย์เริ่มมาแว้ว






นางติดใจการนอนเต้นท์มว้ากกก
นอนกันสบายเบย แต่โดนเต็นท์ไม่ได้เบย น้ำค้างแรงมว้ากก


หลุดโลกกานปายล้าค้าฟฟฟ

10.00  หลังจากสูดอากาศบริสุทธ์เรียบร้อย ก็เดินทางลงจากดอยค้าฟฟ เพื่อไปไหว้พระในตัวเมืองน่าน

     องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รูปแบบของพระธาตุแช่แห้งสันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พระธาตุหริภุญไชย โดยรอบองค์บุด้วยทองจังโก (ทองดอกบวบ ทองเหลืองผสมทองแดง) ทางขึ้นสู่องค์พระธาตุเป็นตัวพญานาค หน้าบันเหนือประตูทางเข้าพระวิหารเป็นปูนปั้นลายนาคเกี้ยว ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมเมืองน่าน

     พระบรมธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีกระต่าย ชาวล้านนาเชื่อว่า หากได้เดินทางไป “ชุธาตุ” หรือนมัสการพระธาตุประจำปีเกิดจะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมวัดพระธาตุแช่แห้งได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-18.00 น.










เสร็จจากวัดพระธาตุแช่แห้ง ก็ไปต่อวัดภูมินทร์ ภาพกระซิบรัก จิตรกรรมฝาผนัง ตามรอย YES OR NO  ปู่ม่านย่าม่าน






กระซิบรักบันลือโลก ฮูปแต้ม “กระซิบรัก

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภายในวัดภูมินทร์ ภาพค่อนข้างเก่า แต่ยังคงมีความสวยงาม




ฮูปแต้ม “กระซิบรัก






  ด้านนอกก็มีภาพ ปู่ม่่านย่าม่าน ที่ขอบประตูให้ถ่ายกันน่ะค้าฟฟ





มีภาพปู่ม่านย่าม่านขายด้วยน่ะค้าฟฟฟ

ผมจบทริปนี้ที่วัดภูมินทร์น่ะค้าฟฟ  เตรียมตัวเดินทางกลับชลบุรีแล้วค้าฟฟ  กว่าจะถึงชลบุรีก็น่าจะประมาณ ตี 3 มั้งค้าฟฟฟ





         Trip:  เที่ยวน่าน  ดอยเสมอดาว ขุนสถาน ภูคา วัดภูมินทร์   29-31 ธันวาคม 2555