วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

@ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แห่งเมืองพม่า เจดีย์ชเวดากอง - พระธาตุอินแขวน - พระธาตุมุเตา


การเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ (พม่า) ครั้งนี้  เหนื่อยน่ะคัฟ บอกเลย แต่มันทำให้ผมพบความสุข  อิ่มบุญ  และความหวังจากเส้นทางที่ได้เดินทาง ทั้งจุดชมวิวสวยๆ  ร้านอาหารที่อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง wifi ที่หาเจอบ้าง ไม่ถึง 5 นาทีก็หายไป แต่ในการเดินทางครั้งนี้ ผมได้มิตรภาพจากเพื่อนร่วมทาง และรอยยิ้มจากคนพม่า การเดินทางไปพม่าไม่ได้อันตรายอย่างที่คิดน่ะคัฟ  ไม่ต้องกลัวจะเหงาด้วย เพราะมีหลายสิ่งให้เราทำ ทั้งการไหว้พระ การขอพร ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับผม  

@ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองพม่า

เดินทางออกจากดอนเมือง --->  สู่เมืองย่างกุ้ง - กราบพระเทพทันใจ / เทพกระซิบ


เตรียมตัว Check in เดินทางแว้วว


กำลังขึ้นเครื่องแล้วค้าฟฟฟ


เถิงแว้วค้าฟ !!! สนามบินย่างกุ้ง



แผนที่การเดินทางใน "ย่างกุ้ง"

แลกเงินจ๊าด แร้วผมรวยมั่กกก

เดินทางสู่ เมืองสิเรียม (Thanlyin) อยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งประมาณ 7 กิโลเมตร เพื่อไปไหว้สักการะ เจดีย์กลางน้ำ หรือ พระเจดีย์เยเลพญา (Kyaik Hwaw Wun Pagoda) เจดีย์จะตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะกลางนํ้าเป็นที่สักการะของชาวสิเรียมบริเวณท่าเทียบเรือ

ท่าเทียบเรือคัฟ

เตรียมตัวนั่งเรือ ไปเจดีย์กลางน้ำค้าฟฟ

เจดีย์กลางน้ำ หรือ พระเจดีย์เยเลพญา

ระหว่างยืนรอขึ้นเรือค้าฟฟฟ













พระเทพทันใจ ของเจดีย์กลางน้ำ

รถสามล้อของเมืองพม่า

ร้านขายกล้วย เยอะมาก (น่ากินฟุดๆ)

เดินทางต่อไปกราบนมัสการ เจดีย์โบตาทาวน์ ซึ่งบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้  นำมาเมื่อ 2,000 ปี ก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้  ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำ บรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ และจารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์

บรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุ







 วิธีการสักการะรูปปั้น

เทพทันใจ (นัตโบโบยี) เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน  กล้วย จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบยี 1 ใบ ไหว้ขอพรแล้ว  ดึงกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี แค่นั้นก็จะสมตามความปราถนาที่ตั้งใจไว้

มะพร้าวอ่อน  กล้วย

เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี เพื่อขอพร

 เสร็จแล้วก็ข้ามถนน เพื่อไปสักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ” ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต  ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว 

การขอพรเทพกระซิบต้องเข้าไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน การ  บูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยนํ้านม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้

เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ”

บูชาด้วยนํ้านม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้

นำนมให้เทพกระซิบทานก่อน

การขอพรเทพกระซิบต้องเข้าไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน

แวะเที่ยว ณ ตลาดโบโจ๊กอองซาน (Bogyoke Aung San) หรือ ตลาดสก๊อต (ScotMarket) เป็นตลาดเก่าแก่ของชาวพม่า


ทะนะคา (สาวพม่าชอบมั่ก)


ร้านขายข้าวในตลาด

นมัสการพระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง หรือ ตะเกิงเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี 

 มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า มีความสูงถึง 326 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าโอกะลาปะ  เจดีย์ชเวดากองเป็นลานกว้างรองรับแรงศรัทธาของ พุทธศาสนิกชนได้จำนวนมาก บริเวณทางขึ้นทั้งสี่ทิศจะมี  วิหารโถงสร้างด้วยเครื่องไม้หลังคาทรงปราสาทปิดทองล่องชาดประดับกระจกทั้งหลัง 

ภายในประดิษฐานพระประธานสำหรับให้ประชาชนมากราบไหว้บูชา เพราะชาวมอญและชาวพม่าถือการกราบไหว้บูชาเจดีย์ชเวดากอง  นำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งมวล 

บ้างนั่งทำสมาธิเจริญสติภาวนานับลูกประคำ และบ้างเดินประทักษัณรอบองค์เจดีย์ จากนั้นให้ท่านชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุด จะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเหลือง, สีนํ้าเงิน, สีส้ม, สีแดง เป็นต้น 

(สถานที่สำคัญของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง คือ ลานอธิษฐาน จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล  นอกจากรอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงนํ้าพระประจำวันเกิดตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต)


ลิฟท์สำหรับขึ้นไปบนพระมหาเจดีย์

ดอกไม้สำหรับไหว้บูชาพระประจำวันเกิด

เตรียมตัวสักการะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง





กราบไหว้พระพุทธเจ้าในปางต่างๆๆ



เตรียมตัวไหว้พระประจำวันเกิด




ผมเกิดวันจันทร์ ต้องรดน้ำ 15 ขัน




ส่วนนี้กำลังต่อเติมน่ะค้าฟฟ

บรรยากาศยามค่ำคืน


 บรรยากาศบริเวณพระธาตุยามค่ำคืน ผมบอกเลย สวยกว่าตอนกลางวันมากๆๆๆ









ผู้คนที่มาส่วนมาก สวดมนต์ นั่งสมาธิ




 หมดแรงหมดสภาพแว้วว  ... หาของหม่ำๆๆๆ กลับเข้าที่พักขอนอนเอาแรงไว้เที่ยวต่อพรุ่งนี้

 

เดินทางสู่กรุงหงสา - ไหว้พระธาตุอินแขวน - พระนอนตาหวาน

สักการะ พระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตจี หรือ พระนอนตาหวาน (Kyauk Htatgyi Buddha) นมัสการพระพุทธรูปนอนที่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต ซึ่งเป็นพระที่มีตาสวยงามที่สุดในประเทศพม่า มีขนตาที่งดงาม ชมพระบาทที่มีภาพมงคล 108 ประการ

พระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตจี หรือ พระนอนตาหวาน

พระนอนที่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต


มงคล 108 ประการ





เดินทางสู่ เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago) ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุด
ของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่และอายุมากกว่า 400 ปี อยู่ห่างจากย่างกุ้ง (ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม.) ร่วมทำบุญตักบาตร
ณ วัดไจ้คะวาย ซึ่งเป็นวัดสำคัญมีพระสงฆ์ จำพรรษากว่า500 รูป อีกทั้งวัดนี้ยัง เป็น
สถานที่ศึกษาพระไตรปิฎกของพระภิกษุและสามเณร

ใส่บาตรพระสงฆ์ 500 รูป



นมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว กราบนมัสการ พระพุทธรูปนอนที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ ในปี พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศ และเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่า 



พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว


ไกด์นำเที่ยวเมืองพม่าค้าฟฟ










เดินทางขึ้น เจดีย์ไจ้ทีโย หรือ พระธาตุอินทร์แขวน Kyaikhtiyo Pagoda (Golden Rock) หรือก้อนหินทอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งสิ่งสักการะสูงสุดของชาวพม่า เป็นเจดีย์ขนาดเล็กสูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนศิลาใหญ่ปิดทอง ที่วางหมิ่นเหม่ อยู่บนหน้าผา แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ย่อมทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุลเรื่อยไป 

ตามคติการบูชาพระธาตุประจำปีเกิดของชาวล้านนา พระธาตุอินทร์แขวนนี้ให้ถือเป็น พระธาตุ ปีเกิดของปีจอ แทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ โดยเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดัง ปรารถนาทุกประการ และสามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน



รถท้องถิ่น สำหรับขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน 

พร้อมแว้วค้าฟ  .. ขึ้นๆๆ


ไกด์นำทางสุดหล่อของโพ้มม

รถสวนระหว่างทางขึ้นค้าฟฟ


จอดรอรถที่จะสวนมา (ขาลง)

มาถึงแล้วค้าฟ  ใช้เวลาเดินทางสักพัก เพื่อเดินทางสู่ยอดเขา โชคดีมากๆ ค้าฟ ที่พักของผมอยู่ติดกับพระธาตุเลยคัฟ

เสลียง สำหรับคนไม่อยากเดิน



ต้องไปติดต่อจ่ายค่าขึ้นก่อนน่ะค้าฟ  ประมาณ 40 บาท

มองเห็นพระธาตุไกล ๆ สวยมั่กๆ ค้าฟ

(พระเจดีย์องค์นี้เปิดตลอดคืนแต่ประตูเหล็กที่เปิดสำหรับสุภาพบุรุษที่เข้า ไปปิดทององค์เจดีย์เปิดถึงเวลา 22.00น. ส่วนสุภาพสตรี สามารถอธิษฐานและฝากสุภาพบุรุษเข้าไปปิดแทนได้ ท่านสามารถเตรียมแผ่นทองคำไปเพื่อปิดทององค์พระธาตุอินทร์แขวน)


พระธาตุอินทร์แขวน สวยสุดๆค้าฟ

ดอกไม้ ธูปเทียน ชุดละ 800 จ๊าด  ส่วนทองคำ ชุดละ 1800 จ๊าด  กระดิ่ง  3600 จ๊าด  

หลังจากซื้อชุดบูชาแล้ว ก็มาตั้งจิตอธิษฐานหน้าองค์พระธาตุคัฟ

 

จุดธูป เทียน บูชาพระธาตุอินทร์แขวน


หลังจากไหว้ขอพรเสร็จแล้ว ก็นำกระดิ่งมาผูกที่ด้านหน้าพระธาตุ (ทางด้านขวา) ห้ามนำกลับไปที่ห้องน่ะค้าฟ (เดี๋ยวจะนอนไม่ได้)



หลังจากกราบไหว้เสร็จแล้ว ผมก็กลับห้องพักก่อนเลย ไปอาบน้ำก่อน เพราะจะกลับมาสวดมนต์หน้าพระธาตุอีกรอบ

ออกมาอีกทีก็เกือบ 4 ทุ่มแว้วค้าฟ  บรรยากาศเงียบมากๆ น่านอน  อากาศเย็นฟุด

พร้อมสวดมนต์แว้วค้าฟ 

บรรยากาศรอบพระธาตุยามค่ำคืน

ผมใช้เวลาสวดมนต์ ประมาณ 1 ชั่วโมง  ก็เดินขึ้นบันได เพื่อกลับห้องพัก แต่ก็น่ะ ไหนๆ มาแล้วขอแอ็คท่าถ่ายรูปกับพระธาตุเสียโหน่ย





ท่านี้ยอดฮิตเลยทีเดียว


เริ่มไม่ไหวแล้วคัฟ  อากาศเย็นมาก ๆ  หนาวแล้ว ถ่ายรูปเสร็จรีบกลับห้องพักเลยคัฟ  เพราะพรุ่งนี้เช้าจะต้องตื่นมาใส่บาตรพระธาตุแต่เช้า ฝันดีคัฟ  (ผมได้ไหว้พระธาตุ 2 ครั้งแล้ว)


พระธาตุอินทร์แขวน - พระธาตุมุเตา - พระพุทธรูปไจ้ปุ่น

เย้ๆ ๆ เช้าแว้ว ใส่บาตรพระธาตุ ค่าอาหารใส่บาตร  ประมาณ  3000 จ๊าด  ดอกไม้ ธูป เทียน 300 จ๊าด


ชุดอาหารสำหรับใส่บาตรพระธาตุ





เก็บภาพบรรยากาศยามเช้าซะโหน่ย  อากาศดีมั่กๆ เลยค้าฟ 


มุมถ่ายภาพยอดฮิตเบยค้าฟฟ



บรรยากาศยามเช้าของชาวพม่าที่เดินทางมาไหว้พระธาตุ





เตรียมเก็บสัมภาระเดินทางกลับค้าฟฟ






ขนมไม่รู้ชื่ออ่ะค้าฟฟ  ... แต่คนพม่ากินเยอะมั่กกก

แวะหาหมอเทวดาสักหน่อย  ใครป่วย หรือปวดเมื่อยตรงไหน ก็ลูบบริเวณที่ปวดเลยค้าฟ 






ลูบบริเวณที่ปวด ผมลูบทั้งตัวเบย




ตอนขามาไม่ได้ถ่ายรูปทางขึ้น ขากลับถ่ายซะโหน่ย

เจดีย์ชเว-มอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา (Shwe Mordore) ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี พระเจดีย์องค์นี้ถือว่ามีความโดดเด่นในหลายๆด้าน เก่าแก่กว่า 2,600 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิสำคัญสูงสุดของชาวพม่ายอดเจดีย์หักซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก (ณ จุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ และสามารถธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเปรียบเหมือนดั่ง ค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป) ซึ่งเจดีย์นี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทยเคยมาสักการะ เจดีย์องค์นี้เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและศิลปะของมอญได้อย่างกลมกลืน พระเจดีย์สูง 114 เมตร สูงกว่า พระเจดีย์ชเวดากอง 14 เมตร มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตร ที่ตกลงมาเมื่อปี พ.ศ. 2473 ด้วยน้ำหนักที่มหาศาล ตกลงมายังพื้นล่างแต่ยอดฉัตร กลับยงคงสภาพเดิมและไม่แตกกระจายออกไป เป็นที่รำ่ลือถึงความศักดิ์ -สิทธ์โดยแท้  และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหงสาลิ้นดำ ใช้เป็นที่เจาะพระกรรณ (หู) ตามพระราชประเพณีโบราณเพื่อทดสอบความกล้าหาญก่อนขึ้นครองราชย์ นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบันจากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังบุเรงนอง สถานที่ซึ่งมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์





อ่านไม่ออกแหะๆๆๆ

พระธาตุมุเตา

เจดีย์ชเว-มอดอร์

จุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ นำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคล

ขอสักโหน่ย..

อากาศร้อนฟุดๆ  แต่สวยมว้ากก

กราบไหว้พระขอพรสักโหน่ย


บอกเลย .. พื้นร้อนฟุดดดด




พระราชวังบุเรงนอง สถานที่ซึ่งมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของไทย คือ บริเวณที่เคยเป็นพระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 แต่ได้ถูกทำลายด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอูในสมัยพระเจ้านันทบุเรง ในปี พ.ศ. 2142 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของ พระเจ้าบุเรงนอง ท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็ น ผู้ชนะสิบทิศ และเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยา และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งต้องตกเป็นเชลยศึก เมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบัน พระราชวังแห่งนี้ได้เหลือเพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองไจ้โท แห่งรัฐมอญ ระหว่างทางท่านจะข้ามผ่านชมแม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตขณะที่สมเด็จพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยา ได้ถูกทหารพม่าไล่ตามซึ่งนำทัพโดย สุรกรรมาเป็นกองหน้าพระมหาอุปราชาเป็นกองหลวง สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนต้นคาบชุดยาวเก้าคืบยิงถูกสุรกรรมา  แม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพพม่าเห็นขวัญเสีย  จึงถอยทัพ กลับกรุงหงสาวดี


ทางเข้าพระราชวังบุเรงนอง



ส่วนท้องพระโรง ของพระราชวังบุเรงนอง

ปืนใหญ่ที่พม่าเอามายิงกรุงศรี

ไม้ที่ใช้ทำพระราชวังเก่าแก่มากๆๆ

ท้องพระโรงที่บุเรงนอง ว่าราชการ


สวยฟุดๆๆ


นมัสการ พระพุทธรูปไจ้ปุ่น (Kyaik Pun Buddha) ซึ่งบูรณะเมื่อ พ.ศ.2019 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่ง โดยรอบทั้ง 4 ทิศ ประกอบด้วย องค์สมเด็จพระสมณโคดม สัมมาสมพุทธเจ้า (หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับ พระพุทธเจ้าในอดีต 3 พระองค์คือ 1. พระพุทธเจ้า โกนาคมโน (ทิศใต้) 2. พระพุทธเจ้า กกุสันโธ (ทิศตะวันออก) 3. พระพุทธเจ้า มหากัสสะปะ (ทิศตะวันตก) สร้างโดย 4 สาวพี่น้อง ที่อุทิศตน ให้กับพระพุทธศาสนา สร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และสาบานตน ไม่ข้องแวะ กับบุรุษเพศ จะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต ต่อมา 1 ใน 4 สาวหนีไปแต่งงาน ร่ำลือกันว่าทำให้พระพุทธรูปองค์นั้นเกิดรอยร้าวขึ้นทันที





มาเที่ยวพม่าแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ก่อนกลับต้องไปนมัสการ  พระหินอ่อน  ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่าด้วย  ไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึงพม่าน่ะคัฟ  แต่เสียดายที่มีกระจบครอบไว้รอบเลยที่เดียว 

ทางเดินขึ้นมีพรมปูให้เสร็จสรรพ

พระหินอ่อน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า

บรรยากาศรอบนอก ก่อนพระอาทิตย์ตก



เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทยแว้วว  ...  รอๆๆๆ ขึ้นเครื่องกลับรอบ 21.00 น.  เที่ยวบินที่ DD4239 กะไว้แล้วว่าขึ้นเครื่อง ได้ที่นั่ง ผมจะงีบแหละ  ก็เล่นตะลอนทัวร์มาทั้งวันแล้วนินาเหนื่อยๆๆ อิ่มบุญ สุขใจ กับทริปสักการะ 3 มหาบูชาสถาน พระมหาเจดีย์ชเวดากอง-พระธาตุมุเตา-พระธาตุอินทร์แขวน



ผมบอกเลยว่าสิ่งสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ คือ กล้องถ่ายรูป มันสำคัญมากจริง ๆ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่บันทึกความทรงจำได้เป็นอย่างดี

และที่สำคัญคือรอยยิ้มของเพื่อนร่วมทาง  ค่าใช้จ่ายในประเทศพม่า ผมหมดไปไม่ถึง 5,000 บาท รวมของฝาก และเงินทำบุญ และอีกมากมาย  

อยู่ที่พม่าผมได้กินกุ้งมังกรแทบทุกมื้อ  ทำให้ผมเอียนกุ้ง มั่กๆๆ  อ้อ แตงโมด้วย 5555

ถ้ามีโอกาส ผมอยากกลับมาพม่าอีกครั้ง





 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น